0
0
0
ยังไม่มีสินค้าในตะกร้า.

รีวิว : [UN] FORGOTTEN

calendar_month 24 ก.พ. 2016 / stylus Admin Chillpainai / visibility 207,006 / รีวิวที่เที่ยว

 



 ฝัน..เราเจอกันในนั้น แค่เราคิดถึงกัน ก็พบความสุขเสมอ ฉันและเธอ กันและกัน
     
 ไกล..กว่าที่ตาจะเห็น กว่าความจริงที่เป็น
 อย่างน้อยยังมีความฝัน พอได้ทำให้คืนอ้างว้าง อีกคืนได้ผ่านพ้นไป




เคยตกหลุมรักบางสถานที่หรือบางคนแบบ .. ซ้ำแล้วซ้ำเล่ามั้ย .. 

'เชียงใหม่' จังหวัดที่ใครๆก็ไป
 บางคนไปปีละหลายครั้ง บางคนไปบ่อยจนคิดว่าใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น คงเพราะ ..
 ความลงตัวของวัดวาอารามตามท้องถนนที่สามารถเข้าได้เป็นอย่างดีกับร้านกาแฟฮิปฮิป โรงแรมชิคชิค รอบตัวเมือง
 และเมื่อก้าวขาออกไปรอบนอก บรรยากาศชิลชิล ถนนวิวทุ่งนา เหวลึกบนภูเขาสูง ดอกไม้ในป่ากว้าง หรือแม้กระทั่งชาวเขาหน้าเปื้อนยิ้ม
 อยากเจออะไรล่ะ ที่นี่มีให้เจอหมดทุกอย่าง ..  

 ทำไมต้องไปบ่อยๆ ทำไมต้องไปที่เดิมซ้ำๆ ?
 ก็เพราะการเดินทางในแต่ละครั้ง ..
 เราไปด้วยความรู้สึกต่างกัน เราไปหาประสบการณ์ใหม่ๆกับสถานที่เดิมบ้าง ใหม่บ้าง บางครั้งไปกับตัวเอง บางครั้งไปกับคนแปลกหน้า และในบางครั้งก็มีโอกาสไปกับคนที่พร้อมจะเดินทางไปกับเรา  

 แค่คิดจะก้าวขาออกไปจากที่ๆยืนอยู่ แค่หัวใจมีพลัง แค่ทบทวนและหาเวลาให้ตัวเอง แค่เริ่มก็มีความสุขแล้ว

 เคยได้ยินใครบอกมั้ย
สถานที่เดิมๆอาจทำให้เราหลง(ใหล) .. ในขณะที่ความทรงจำใหม่ๆอาจทำให้เราหลง(รัก) '

 
 #เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม (เชียงใหม่-สะเมิง)

 ทริปนี้มีเวลาน้อย เอาจริงๆคือมีเวลาเที่ยวเชียงใหม่แค่ 2 วัน เพราะต้องเดินทางจากกทม.ในคืนวันศุกร์ที่ 12 ก.พ. และกลับคืนวันที่ 14 ก.พ. (ลางานไม่ได้ ฮืออ) อีกอย่างเป็นทริปที่ไม่ได้คิดว่าจะมีโอกาสได้มา แต่เมื่อมีโอกาสแล้วเราก็ต้องทำมันให้ดีที่สุดสิ เฮ้..

 คือ เดินทางช่วงวันวาเลนไทน์อย่างตั้งใจ .. แถมอากาศลับมาเย็นอีกรอบ เอาล่ะหว่า ใครๆคงไปเชียงใหม่กันเพียบแน่ จะสนุกมั้ยน๊า ..  

 ชะโงกทัวร์กำลังจะเกิดขึ้น เราวางเเผนการเดินทางในวันแรกจาก "เมืองเชียงใหม่" ไป "สะเมิง" เราพร้อมเก็บทุกสถานที่ที่อยากไประหว่างทางให้ครบ คือโหดแต่โปรดปรานการเที่ยวแบบนี้มาก

" Meena rice based cuisine " คุณคือเป้าหมายแรกของเรา
 ได้ยินชื่อร้านนี้มาซักพัก จากข้าวสีธงชาติ และอาหารเมนูสุขภาพ ที่จัดจานด้วยดอกไม้ ผลไม้ ใครไปใครมาก็ถ่ายรูปอวดจานสวยๆ เราเลยอยากไปดูบ้างว่าจะสวยแค่ไหน อร่อยมั้ยเหมือนที่คิดไว้มั้ย  



 ทางร้านตกแต่งสไตล์บ้านไม้ในสวน มียุ้งข้าวแบบล้านนาไว้คอยเรียกแขก ร่มรื่น น้องๆพนักงานอัธยาศัยดีทุกคน









 ก่อนที่จะเข้ามาในร้าน เราเข้าแฟนเพจก่อนเพื่อจะดูว่ามีอะไรน่าทานบ้าง
 จานแรกที่เราเล็งไว้คือ กุ้งชุปข้าวโอ๊ต



 จานที่สองจากเมนูแนะนำ ห่อหมกอันดามัน ส่วนตัวเราเป็นคนชอบห่อหมกมาก ไปที่ไหนก็ต้องสั่ง ลองซะหน่อย



 จานที่สาม สั่งจากเมนูแนะนำเหมือนเดิม ผักเหลียงต้มกะทิกุ้งสด สั่งไปก็นึกขึ้นได้ ใบเหลียงมันของใต้มั้ยมากินเชียงใหม่จาอร่อยมั้ยหว่า



 ได้ครบทั้งสามจาน พร้อมสั่งข้าว 5 สี กับข้าวธงชาติมา หน้าตาเลยออกมาเป็นแบบนี้



 ps. ส่วนตัวชอบห่อหมกมากที่สุดเพราะรสจัดหน่อย อย่างอื่นจะออกจืดๆแล้วเเต่ความชอบค่ะ

 อันนี้แถมบรรยากาศรอบๆร้านมีนาค่ะ ร้านร่มรื่นมาก







 ตรงทางเข้ามีร้านขายเสื้อผ้าและของที่ระลึกด้วยนะคะ เจ้าของร้านบอกว่า ลูกสาวเป็นคนวาดลายเสื้อแล้วให้แม่ปัก เป็นงาน Hand Made ทั้งหมด ใครชอบไปอุดหนุนได้เลย



 #กินคาวไม่กินหวาน ... (เติมเอาเอง)

 อิ่มจากของคาวที่ร้าน Meena แล้ว ขับรถย้อนออกมาไม่ไกลกันมากนัก มีร้านกาแฟบรรยากาศสบายๆอีกหนึ่งร้านที่น่าสนใจ
"ร้านใจบุญ (Jaiboon)" ร้านกาแฟและเบเกอร์รี่บรรยากาศคล้ายบ้านไม้ชั้นเดียว มีสวนเล็กๆนั่งเล่นหน้าบ้าน ของแต่งในร้านดูลงตัวไปหมด ที่นี่เน้นชีสเค้กเป็นหลัก แต่สำหรับเราตอนนี้ ชีสเค้กไม่ไหวจะยัดลงพุง เลยสั่งอะไร Soft Soft มานั่งชิล ดื่มด่ำบรรยากาศ   [อเมริกาโน่ร้อน กับ ไอศครีมชาเขียว เป็นตัวเลือกที่ดี ^^"]


 








#ความทรงจำระหว่างทางสำคัญไม่น้อยกว่าปลายทาง

 หลังจากดื่มด่ำกับบรรยากาศในตัวเมืองจากร้านที่เราปักหมุดไว้ เวลาที่มีไม่มาก
 ตอนนี้เลยได้เวลาออกเดินทางไปสะเมิง แน่นอนว่าถ้าพูดถึงอำเภอนี้ ก็ต้องนึกถึงเทศกาลสตรอเบอร์รี่ผลไม้แสนโปรดของเรา .. จะรอช้าไปทำไม มุ่งหน้าเก็บเกี่ยวความทรงจำดีๆกันดีกว่า

 เราพยายามหาร้านน่ารักจากกระทู้แนะนำหลายๆกระทู้ว่าไป สะเมิง จะต้องไปร้านไหน สุดท้ายก็มาจบที่ร้านนี้ "เสพศิลป์ กลิ่นกาแฟบ้านนอก เชียงใหม่" ร้านกาแฟที่มีโต๊ะไว้คอยรับแขกเพียบ ร้านแต่งเหมือนเป็นร้านเหล้ามากกว่าร้านกาแฟซะอีก แถมรถจอดหน้าร้านเต็มไปหมด แอบสงสัยว่าจะมีที่นั่งรึเปล่า แต่พอเข้าไปในตัวร้านไม่ยักกะมีคนแฮะ ..  

 ร้านนี้เป็นร้านกาแฟแและเป็นร้านเหล้าให้สำหรับคนที่อยากดื่มไปด้วยในตัว อันนี้เป็นบรรยากาศรอบๆร้านค่ะ



 เราไปตอนบ่ายต้นๆพอดี เอ่ออ ไหนคืออากาศหนาวที่เราอยากเจอ .. แย่แล้ว .. อากาศร้อนจนไม่รู้ว่ามันจะมีอากาศหนาวๆให้สัมผัสมั้ย ชักเริ่มเครียดกับเสื้อผ้าที่อุตส่าห์เตรียมมา ตีมหน้าหนาวอันสดใสของชั้น .. พึมพำในใจเบาๆ T_T



 คุยกับพนักงานพนักงานในร้าน (ไม่แน่ใจว่าเป็นเจ้าของร้านมั้ย) แนวมาก เราสั่งแตงโม้ปั่นและกาแฟอีกเหมือนเคย "เชิญเลือกโต๊ะนั่งได้เลยครับ" ป้ายข้างๆบาร์แปะบอกไว้ว่า ทุกอย่างบริการตัวเอง.. จะสั่งอะไรให้ถือไปด้วย กินเสร็จก็เอามาเก็บ .. ที่นี่เปิดสิบโมงแต่เวลาปิดขึ้นอยู่กับอารมณ์ (โอ้วว .. จะแนวไปไหน)

 ไม่รอช้าค่ะ เดินไปด้านล่างเพื่อจะนั่งในลำธาร คนเพียบเลย มาขลุกกันอยู่ตรงนี้นี่เอง




 เมื่อเธอทุกข์ใจให้ลองเอาเท้าจุ่มน้ำ .. วัชราวลีบอกไว้ เราเลยทำตาม อิอิ ..
 .. ใส่ผ้าใบมา ต้องถอดรองเท้า แต่เอ๊ะตอนขึ้นจะขึ้นยังไง แล้วล้างเท้าที่ไหน converse คู่เก่งเน่าเเน่ๆ แต่ไม่เป็นไร ยอม..อุตส่าห์มาถึงที่นี่ ไม่จุ่มได้ไงเนอะ จุ่มปุ๊บเย็นปั๊บ ฉดชื่นนนนน ..



 ดื่มด่ำยังไม่ทันหมดแก้ว เราก็สะดุ้ง เฮ้ยยย ต้องรีบไปแล้วล่ะเด่วถ่ายรูปแสงเย็นที่ "หลองข้าวสะเมิง" ไม่ทัน ที่นั่นคือจุดหมายปลายทางในฝันของเรา

 เดินออกมาขึ้นรถเจอ "ดอกเหลืองอินเดีย" กำลังบานสะพรั่ง พร้อมให้ถ่ายรูป เลยเก็บบรรยากาศมาฝาก ดอกไม้ที่เมืองไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกนะเออ !





 แปะไว้เท่านี้ก่อน .. เด่วมีเวลาจะมาต่อกับทุ่งข้าวที่สะเมิงนะคะ
 
 
 #ที่นี่ที่ไหน .. ใช้ที่รักรึป่าวววววว !

"สะเมิงเองไง" จำไม่ได้หรอ .. 
 จริงๆแล้วสะเมิงไม่ได้ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่เลย การเดินทางก็สะดวก แถมมีจุดแวะพักให้เที่ยวเล่นตลอดทาง ไม่เหมือนการเดินทางไกล แต่เหมือนเป็นการเรียนรู้เส้นทางท่องเที่ยวสายใหม่มากกว่า

 พอมาถึงตัวอำเภอสะเมิงแล้ว..ก็พบว่าถนนเส้นหลักที่ใช้เดินทางในวันนี้ ได้ถูกนำไปจัดงานเทศกาลสตรอเบอรร์รี่และของดีอำเภอสะเมิงพอดิบพอดี ซึ่งแน่นอนเราจะมาแวะเที่ยวกัน แต่ขอเข้าไปเก็บสัมภาระ เปลี่ยนเสื้อผ้า check in ทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อน

 แท่นแท๊นนน ในที่สุดเราก็มาถึง "หลองข้าวสะเมิง" รีสอร์ทที่พร้อมให้เราสูดอากาศบริสุทธิ์ กับวิถี Slow Life ท่ามกลางทุ่งนาข้าวสาลี สายหมอก และขุนเขา .. คือขณะที่จินตนาการคิดภาพสายลมแสงแดดอ่อนๆ จึ๊ยยย! เดินลงมาจากรถตอน 4 โมงเย็น ทำไมแดดยังเปรี้ยงขนาดเน้ โอยยยๆๆเริ่มท้อ

 หลังจากที่คุยกับคุณป้าที่คอยต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองแล้ว คุณป้าย้ำว่าเดี๋ยวเย็นๆอากาศก็ดีหนู กลางคืนก็หนาว เมื่อคืนยัง 13 องศาเลย ไม่รอช้า เรารีบเดินดุ่มๆไปที่ห้องพัก ได้ยินแค่นั้นล่ะ ยิ้มสิครัช

 และนี่ค่ะ หลองสะเมิง 4 บ้านพักของเราเอง สวยคุ้มกับการเดินทางสุดๆ ^^



 ภายในห้องนอนไม่ได้กว้างมากมาย แต่สิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม ถือว่าโอเคเลยค่ะสำหรับการนอนสองคน



 เตียงไม่มีขา น่าจะไม่กลิ้งตกเตียงคืนนี้นะ  



 นี่เป็นส่วนของห้องน้ำค่ะ กว้างมาก เพราะทำแบบเเยกออกมาจากตัวห้องนอน ต้องเดินลงบันไดไปอีก 4 ขั้น  



 แวะเอาห้องนอนมาให้ดูก่อน .. ตอนนี้ขอไปเดินเล่นเทศกาลสตรอเบอร์รี่ ซื้อฝากพี่ๆเพื่อนๆที่ออฟฟิศซะหน่อย

 หลังจากเปลี่ยนชุดให้เข้ากับบรรยากาศ พร้อมมากกับการเที่ยวเล่น ไม่รอช้า ขอยืมจักรยานที่รีสอร์ทปั่นไปที่งานทันที
 จริงๆเดินได้นะ แต่อากาศประมาณ 30 องศาแบบนี้ ยอมใจค่ะ







 ไม่ใช่แค่ผลไม้นะคะ ของมึนเมาก็มา อิอิ



 หมดในส่วนของสตรอเบอร์รี่ .. ทางอำเภอมีจัดการแสดงของเด็กๆ รู้สึกว่าจะเป็นการร้องเพลงประกอบลีลาด้วย มีคนแก่บางคนลุกขึ้นเต้น บรรยากาศน่ารักดี เสียดายไม่ได้ถ่าย .. จะเพราะอะไรล่ะ มัวแต่ดมกลิ่นของกินไง ฮ่าๆ

 เราเดินมาเจอ "ไข่ป่าม" ค่ะ ไข่หน้าตาปะหลาดที่เราสงสัยว่ามันคืออะไร มีหลายร้านที่ขาย แต่เดินมาเจอร้านนึงที่เป็นน้องๆนักเรียนขาย
 ไข่ป่ามไหมคะ ไข่ป่าม กินแล้วได้ทำบุญด้วยนะคะ .. หืมมมม ทำไมอ่ะ เราอดสงสัยไม่ได้ คุณครูรีบหันมาตอบคำถามจากสีหน้าสงสัยของเรา
 "อ๋อ น้องๆอยู่ที่บ้าน .. ค่ะ (จำชื่อไม่ได้ขอโทษด้วยนะคะ) ถ้าซื้อไข่ป่ามกับเราก็เหมือนได้ช่วยน้องๆไปด้วย 3 อัน 20 บาทเองค่ะ ลองชิมนะคะ"

 จัดสิคะ ไข่ป่าม ไข่ย่างบนใบตองเป็นอาหารที่คนทางภาคเหนือจะรู้จักกันดี ทำกันง่ายๆ ใส่ตะใคร้ พริก กระเทียม เกลือลงไป พลิกไปพลิกมา
 กลิ่นยังติดจมูกอยู่เลย พูดแล้วหิว



 จบจากเทศกาลเเล้ว เด่วมาต่อที่บรรยากาศยามเย็นรอบๆหลองข้าวกันค่ะ
 
 
#ได้เวลาสูดอากาศบริสุทธิ์ 

 หลังจากไปเดินเล่น ขนสตรอ 5 กล่องไปฝากคนที่ออฟฟิศ ก็ได้เวลา 5 โมงเย็นแดดนุ่มๆอุ่นๆพอดี
 หลังจากจอดจักรยาน เก็บข้าวของแล้ว เราก็รีบกระโดดเข้าไปบนทุ่งนาข้าวสาลีที่เหมือนกำลังอ้าแขนต้อนรับเราเข้าไป
 หูยยยย ลมเย็นๆเริ่มพัดมาเเล้ว ..

 โชคดีจังเลยน๊าที่หลองข้าวสะเมิงอยู่ฝั่งพระอาทิตย์ตก (ตะกี้ยังบ่นอยู่เลยว่าแดดแรง แฮ่) แดดสาดมาจากหลังเขา
 แดดอุ่นๆตอนเย็นแบบนี้ โรแมนติกชะมัด เรารีบกดชัตเตอร์แข่งกับเวลาก่อนพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้ากันเถอะ หน้าหนาวพระอาทิตย์ตกเร็วด้วยสิ

 ป้ายคลาสสิคของหลองข้าวสะเมิง สะท้อนแสงได้ด้วย



 อันนี้เป็นบรรยากาศรอบๆค่ะ ต้นไม้ใบไม้ร่วงหมดเลย สมกับที่เป็นหน้าหนาว  







 นางแบบจำเป็น (บังคับขู่เข็ญเพื่อจะเป็นนางแบบ ฮ่าๆ)  
 ชุดที่เพิ่งซื้อมาจากตลาดนัดแถวออฟฟิศยังไม่ทันซัก ได้ใช้งานทันทีสิน่า  








 ดอกไม้ ประตู แจกัน ดินทรายต้นไม้ใหญ่ .. บรรยากาศดี๊ดี ชวนให้หลงรัก



 เราชอบหลังนี้ที่สุดเลย เสียดายที่มีคนจองก่อนแล้ว "หลองเคียงนา" .. ไม่แน่ใจว่าใช่ชื่อนี้มั้ย แต่น่าจะใช่ เพราะอยู่ข้างๆนาเลย



 แดดเริ่มหมด อากาศก็ยิ่งเย็น บรรยากาศแสนดีเริ่มมา ..
 สถานที่สวยงามจะไม่น่าจดจำ ถ้าเราไม่มีความทรงจำดีๆกลับมาด้วย ฮริ้วววว

 มาดูบรรยากาศตอนโพล้เพล้ใกล้ค่ำกนบ้างค่ะ





 บรื๊อออออ หนาว





 แสงหมดแล้ว ได้เวลาไปหาอะไรร้อนๆใส่พุง ..
 คุณป้าบอกว่าใกล้ๆรีสอร์ทมีร้านหมูกระทะ เราเลยรีบเดินออกไปเพราะเริ่มค่ำ อากาศก็ยิ่งหนาว
 แต่เดินเท่าไรก็ไม่เจอซักที เลยเเวะถามลุงเเถวนั้น  ลุงบอกว่า นู่นน อยู่ตรงนู้นนน ระยะของแขนที่เปิดกว้างทำให้เราตัดสินใจกลับไปเอาพาหนะอันเป็นที่รัก ปั่นๆจักรยานไป ปั่นๆจักยานกัน โอเค ปั่นไปกินหมูกระทะ .. เท่ไปอีกแบบ (อันนี้รูปจากมือถือนะคะ เบลอนิดหน่อย)



 ปล.หมูกระทะร้อนๆกินกับอากาศเย็นๆ เข้ากันมาก ขอให้ได้ลอง  139 บาท/คน ตักไม่อั้น อิ่มแบบสบายๆเลยค่ะคืนนี้
 
 
#เช้าแล้วยังอยู่บนที่นอน

 อยู่บนที่นอนไม่ไหวเเล้วค่ะพี่น้องงงง .. อากาศดีจนต้องสะบัดก้นเปลี่ยนเสื้อผ้า อย่าแปลกใจว่า อ้าวทำไมไม่อาบน้ำ!
 หนาวขนาดนี้ จะอาบให้ผิวแห้งไปทำไมกัน เหงื่อก็ไม่ออก ล้างหน้าแปรงฟันก็พอ เชื่อเหอะ

เริ่มเก็บบรรยากาศตอนเช้า พระอาทิตย์ขึ้นก็สวย พระอาทิตย์ตกก็สวยแฮะที่นี่ 





 อันนี้เป็นอาหารเช้าของเราค่ะ ข้าวต้มเครื่อง หมูก้อนใหญ่มาก
 แล้วก็มีโอวัลติน กาแฟร้อนๆให้ดื่ม เคียงด้วยปาท่องโก๋แสนหร่อย







 นางแบบมาอีกแระ .. (มาทำไม)





 บริเวณรีสอร์ทมีสวนสตรอเบอร์รี่ด้วยนะคะ คุณป้าบอกว่าเก็บกินได้เลยลูก เดินไปจะถ่ายรูปไม่เจอลูกใหญ่ๆซะเเล้ว เพราะคุณป้าก็เก็บไปขายให้กับคนที่เข้าพักในรีสิร์ทอยู่ จริงๆบรรยากาศแบบนี้ไม่ต้องไปถึงต่างประเทศเลยนะคะ อยู่เมืองไทยนี่ล่ะได้ทุกรสชาติเลย





 ข้าวสาลีกำลังเล่นกับลมเย็นๆ ละอองน้ำค้างพริ้วกระทบแสงมากเลย ช๊อบชอบ



 กระโปรงเราเลยเปียกชุ่มเต็มไปด้วยน้ำค้าง



 ถึงเวลาต้องบอกลา หลองข้าวสะเมิง รีสอร์ทในฝันของเราด้วยภาพที่เราชอบมากที่สุดรูปนึงของทริปนี้
 ดูสิ .. แดดอุ่นๆเหมือนกำลังจะทิ่มร่างเราเลย ..
 ที่พักนอนสบาย บรรยากาศแสน Slow life อยากอยู่ต่ออีกซักคืนสองคืนจังน๊า  



 แล้ววันนึงเราจะกลับมาใหม่นะ "สะเมิง" 

 (ไว้เดี๋ยวขากลับจะพาทุกคนไปเที่ยวระหว่างทาง สะเมิง-แม่ริม-เมืองเชียงใหม่นะคะ คงต้องแปะไว้อีกครั้งเพราะต้องเดินทางไปไต้หวันตีสองของคืนนี้เเล้วค่ะ ..)
 
 
 
 
#เราจะคิดถึงวันที่สวยงามเมื่อเวลาผ่านไป 

 และแล้วก็ถึงเวลาต้องเดินทางกลับ..
 เราวางแผนจะใช้เส้นทางจากสะเมิงไปแม่ริมก่อน เพื่อจะแวะ Homestay น่ารักแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในตัวอำเภอ และร้านกาแฟที่เราปักหมุดเอาไว้ว่าจะต้องไปให้ได้อีกซักสองร้าน

 อำเภอแม่ริม อยู่ทางตอนบนของตัวเมืองเชียงใหม่และเป็นอีกหนึ่งอำเภอที่น่าสนใจ เพราะเป็นศูนย์รวมแหล่งท่องเที่ยวที่กำลังขยายตัว ทั้งรีสอร์ท ทั้งร้านกาแฟ หรือแม้แต่สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆอีกเต็มไปหมด

 ขับรถกันไม่นานนักก็มาถึงอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญของเรา "Good Old Day Chiangmai" บอกก่อนว่า .. วันนี้เราไม่ได้คิดจะมาพัก เราเพียงตกหลุมรักรูปที่พักจากแฟนเพจ ซึ่งนั่นล่ะค่ะ ทำให้เราเลือกที่จะเดินทางมาอย่างตั้งใจ
 และก็เป็นไปอย่างที่คิด .. บ้านหลังนี้ไม่ทำให้เราผิดหวังเลยจริงๆ



 พี่ต้อมและพี่ซา คู่รักที่มีความสุขกับการใช้ชีวิตธรรมดา ความธรรมดานี่ล่ะค่ะที่เรียกว่าโรแมนติก
 ลืมบอกไปว่า บ้านหลังนี้เป็นฝีมือการแต่งบ้านของพี่ต้อมเองทั้งหมด เจ๋งเนอะ ..



 คิดว่ามาถ่ายหนังสือ Room ซะอีก บ้านแน๊วแนว



 จะเห็นว่าบ้านหลังนี้มีของเก่าเยอะมาก ถามไปถามมาพี่ซาบอกว่า ทั้งสองคนเคยขายของเก่าที่รร.ปริ๊นซ์ทุกเช้าวันอาทิตย์มาก่อน ก็เลยอ๋ออออ ถึงว่า .. ของเก่าแนวๆเต็มบ้านเลย





 อื้มมม .. แอบเผลอคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของบ้าน  



 รูปในตู้ที่ทำเป็น Postcard เยอะมาก รวมถึงรูปถ่ายที่แปะอยู่ตามผนัง เป็นฝีมือพี่ต้อมเองทั้งหมด
 งี้ล่ะเนอะ .. คนชอบเดินทางมักจะเก็บเกี่ยวความทรงจำดีๆกลับมาด้วยภาพถ่ายเสมอ



 เคาท์เตอร์ห้องครัวของพี่ซา เก๋ไม่เบา



 ส่วนของประตูบ้านด้านใน สามารถเปิดเพื่อชมพระอาทิตย์ตก หรือให้แสงสว่างเมื่อต้องการ และสามารถปิดเพื่อกันไอแดดในช่วงบ่ายป้องกันความร้อนเข้าสู่ตัวบ้าน



 มาดูที่บรรยากาศของชั้น 2 กันบ้างค่ะ







 และเมื่อมีเวลาว่าง พี่ต้อมจะใช้เวลาไปกับการ DIY ทำของแต่งบ้านที่ทำจากไม้มาขายบ้าง ส่วนพี่ซาก็ทำเค้กตามออเดอร์ของลูกค้าที่เข้ามาพัก ส่วนใหญ่จะเป็นชีสเค้กที่พี่ซาถนัด รวมถึงข้าวผัดแสนอร่อยจานนี้ด้วย ข้าวผัด Good Old Day (สำหรับวันนี้เป็นข้าวผัดกับไส้อั่วค่ะ)



 ลาทีนี่ไปด้วยรูปคู่กับน้องอัญชัน .. อาจจะมีบางคนคุ้นหน้าคุ้นตาน้องหมาตัวนี้จากโครงการบ้านข้างวัด ทราบทีหลังว่าน่าจะมีคนเอาไปเลี้ยงแล้วทำร้าย พี่ทั้งสองคนเลยขอมาเลี้ยงแทน ..


 
 
#จงอยู่ในที่ที่ทำให้เรายิ้มได้

 มีใครเสพย์ติดบรรยากาศร้านกาแฟเหมือนเรามั้ย ?
 คือ..เราเป็นคนนึงที่ดื่มกาแฟไม่ค่อยได้ เพราะดื่มแต่ละครั้งก็รู้สึกว่าใจสั่น เวียนหัวตลอด แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเราก็ยังอยากที่จะดื่มด่ำบรรยากาศร้านกาแฟอยู่ดี เรามักจะหาร้านกาแฟสไตล์ที่เราชอบ ร้านกาแฟที่เป็นตัวของตัวเอง .. เป็นตัวของตัวเองในที่นี่คือ ต้องร้านที่เจ้าของคิดจะทำเอง ไม่ใช่ร้านเฟรนไชส์ทั่วไป เราจะยิ่งหลงรักเลยค่ะ

 และเพื่อไม่ให้เสียเวลาในการมาระแวกอำเภอแม่ริมในวันนี้ เราจึงเลือกไปร้าน "ผ่อดอย คาเฟ่ (Pordoi cafe)" ซึ่งอยู่ไม่ได้ไกลนักจาก Good Old Day  ซึ่งร้านนี้เจ้าของได้ให้สถาปนิก Renovate จากบ้านไม้เก่าอายุ 20 ปี โดยคัดส่วนที่ยังนำมาประกอบได้ประมาณ 70% มาทำเป็นร้านกาแฟในฝัน





 นอกจากความน่ารักของตัวร้าน วันนี้ 14 กุมภาพันธ์ .. วันวาเลนไทน์ ทางร้านมีการเตรียมดอกไม้ไว้ให้ลูกค้าด้วยค่ะ มี Gimmick แบบนี้ก็น่ารักไปอีกแบบเนอะ






 อันนี้เป็นส่วนของห้องสมุดที่ทางร้านทำให้กับลูกค้าที่เป็นหนอนหนังสือผู้รักการอ่านไว้พักผ่อนหย่อนใจค่ะ







 ส่วนของบ้านพักค่ะ











 มาถึงตรงนี้เเล้ว คำว่าชะโงกทัวร์ที่บอกไว้ตอนต้นก็ชัดเจนมากขึ้นทุกที เดินทางแบบนี้ก็สนุกไปอีกแบบนะคะ
 เราได้เก็บเกี่ยวความสุขในทุกๆช่วงของวัน เราได้ทำให้หน้าของเราเปื้อนยิ้มเวลาได้พูดคุยกับใครๆ ได้เจออะไรใหม่ๆ
 รวมถึงได้มีความทรงจำกับคนที่อยู่ตรงหน้ามากยิ่งขึ้นด้วย  

"การเดินทางที่ดี จะทำให้ผู้เดินทางมีความสุขเสมอ" ลองดูค่ะ
 
 
 
#ไกลแค่ไหนคือใกล้ 

 อากาศอันร้อนอบอ้าว ไม่ได้ทำให้เราท้อ ฮึ๊ยยย เรายังคงมุ่งหน้าไปตามแพลนที่วางไว้เหมือนเคย ก่อนที่จะเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ เราขอแวะไปร้านที่กำลังดังตามกระแสซักหน่อย จะเป็นที่ไหนได้นอกจาก "CHIC 39 Bed Bar & Bakery" 

 ไปถึงหน้าร้านรถจอดอยู่เยอะมาก ซึ่งนั่นก็เป็นการการันตีได้เลยว่า ร้านนี้กระแสเค้ามาแรงจริงๆ ไม่รอช้าเรารีบลงจากรถเข้าไปในร้าน อยากรู้ว่าบรรยากาศจะเหมือนในรูปที่เคยเห็นมั้ย  



 ตัวร้านดูใหญ่ เเละติดกับร้านก็จะเป็นโซนที่พักติดันเลยค่ะ



 เมื่อเข้าไปในร้านปรากฏว่า โต๊ะเต็มจ้า เกือบเดินถอยหลังกลับเเล้ว เพราะอากาศก็ร้อน
 แถมในตัวร้านเป็น Open Air อีก แย่แน่ๆ

 แต่ยังไม่ทันหันกลับ พนักงานเสริฟก็เดินมาบอกว่า มีโต๊ะเล็กๆตรงมุมด้านนอก เรียกว่าหลบมุมดีกว่า แถวๆบันได .. เอาน่ามาถึงเเล้วเนอะ ด้านนอกก็มีพัดลมไอน้ำพอจะพัดให้เย็นชื่นใจค่ะ เลยขอเก็บบรรยากาศด้วยกล้องเล็กของตัวเองมาให้ดูนิดนึง




 สำหรับเมนูที่เราสั่งร้านนี้คือ "ชาเขียวน้ำผึ้ง น้ำบ๊วย และพิซซ่าอันดามัน"



 มองนาฬิกา เวลาของเรายังพอมีเหลือก่อนกลับกรุงเทพ เราจึงเลือกที่จะเช็คบิลที่  CHIC 39 เพื่อจะไปหาบรรยากาศเย็นสบายริมแม่น้ำปิงนั่งเล่นซักพัก

 ว่าแต่ .. อันนี้ไม่ได้แพลนไว้ เราจึงต้องพยายาม search หาร้านที่เราเคยเห็นตามรีวิวอีกครั้ง
 แล้วลงเอยที่ร้าน "เคลิ้ม" ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิง เป็นบรรยากาศสบายกลางสวน ริมแม่น้ำปิง
 เลยขอเก็บบรรยากาศมากฝากด้วยค่ะ










 ทุกอย่างเป็นไปตามแพลน .. ความสุขก็เกิดขึ้นตามแพลนเช่นกัน


 เราชอบยิ้ม
 เพราะรอยยิ้มเกิดจากความสุข

 เราชอบเดินทาง
 เพราะการเดินทางทำให้เรามีความสุข

 เราชอบความสุข
 เพราะความสุขทำให้เราอยากใช้ชีวิต

 แต่ละคน เลือกที่มีความสุขด้วยวิธีแตกต่างกัน
 แต่สำหรับเราแล้ว..เราเลือกที่จะใช้ชีวิตทุกวันไปกับสิ่งที่ทำให้หน้าของเราเปื้อนยิ้ม

 ระยะทางไม่เคยไกล,,หากเราเดินทางด้วยหัวใจ

เ ชี ย ง ใ ห ม่ " ใ ก ล้ แ ค่ คิ ด ถึ ง



 ขอบคุณรีวิวพันทิปจากคุณ ... หมายเลขสมาชิก 
882797 
 



 

เขียนโดย
Admin Chillpainai
Admin Chillpainai